Share This Article
“OPPORTUNITIES with Purpose” คือ หนึ่งในกลยุทธ์ที่สำคัญของเซ็นทรัลพัฒนา ในการสร้าง ‘โอกาส’ พัฒนาคน พัฒนาเมือง พัฒนาประเทศ และยกระดับวงการรีเทลของไทย โดยกว่า 40 ปีที่ผ่านมา เซ็นทรัลพัฒนา ดำเนินธุรกิจโดยคำนึงถึงการพัฒนาคู่ค้าเป็นหัวใจสำคัญมาโดยตลอด รวมถึงการนำพาผู้ประกอบการรายเล็กเข้าสู่ Market Place และโมเดิร์นเทรดของกลุ่มเซ็นทรัล เพิ่มโอกาสในการขาย และขยายธุรกิจสู่การเติบโตที่ยั่งยืน
จุดเริ่มต้นของหลักสูตร ‘LEAD’ โดยเซ็นทรัลพัฒนา
เริ่มจากความต้องการที่จะสนับสนุน SMEs ไทยรายใหม่ๆ อย่างเป็นรูปธรรม โดยโครงการ LEAD ไม่ใช่แค่คอร์สการเรียนรู้ แต่เป็นหนึ่งใน Business Strategy ที่สำคัญของบริษัทในการสร้าง “Gateway to Success” เป็นแพลตฟอร์มนำพาผู้ประกอบการใหม่ๆ เข้าสู่ Business Ecosystem ที่แข็งแกร่งของ Central Group บริษัทแม่ของเซ็นทรัลพัฒนาที่มีกลุ่มธุรกิจ และเครือข่ายพาร์ทเนอร์ที่หลากหลาย ครอบคลุมทั้งในและต่างประเทศ สามารถสร้างโอกาสเติบโตได้หลายรูปแบบ และสามารถขยายธุรกิจไปได้ทั้งในและต่างประเทศ โดยมีจุดเด่นในการช่วยพัฒนาความพร้อม ดึงศักยภาพ และจุดเด่นของผู้ประกอบการแต่ละรายขึ้นมา โดยเน้น ‘เรียนจริง – ทำจริง – โตจริง’ พร้อมลงมือทดลองเปิดร้านขายจริง ผ่านเวิร์คช็อป Pop-up Market ซึ่งเป็น Signature Module ของคอร์ส LEAD ที่เดียวเท่านั้น ที่เปิดโอกาสให้ผู้เรียนได้ทดลองทำ Brand Co-Creation กับเพื่อนร่วมคลาส ได้ทดลองตลาดใหม่ ครีเอทไอเดียพัฒนาสินค้าและบริการใหม่ๆ แล้วทดลองขายจริงบนพื้นที่ศูนย์การค้า Prime location ของเซ็นทรัลพัฒนา
ดร.ณัฐกิตติ์ ตั้งพูลสินธนา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานการตลาดของเซ็นทรัลพัฒนา โต้โผที่ริเริ่มและทำให้โครงการ LEAD เกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม กล่าวว่า “เซ็นทรัลพัฒนา ให้ความสำคัญกับการสนับสนุนช่วยเหลือผู้ประกอบการ SMEs และมีนโยบายในการ allocate พื้นที่ 10% ของศูนย์การค้าให้กับ SMEs ได้เข้ามาค้าขาย เราเป็นแพลตฟอร์มที่ดึงผู้ประกอบการรุ่นใหม่ๆ ที่มีศักยภาพเข้ามาอยู่ใน Ecosystem ของเซ็นทรัลกรุ๊ป โดยมีการคัดเลือกแบรนด์ที่มี potential เติบโต มีพื้นฐานการทำธุรกิจ โดยเราจะทำหน้าที่เป็น Business Incubator ช่วยให้แบรนด์แข็งแรงขึ้น
จุดเด่นของคอร์ส LEAD ที่แตกต่างจากที่อื่น?
เราเน้นเรียนจริง ทำจริง ออกมาเปิดร้านเติบโตได้จริงกับเรา โดยได้ร่วมมือกับมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โดยมีอาจารย์เอม หรือ ผศ.ปิติพีร์ รวมเมฆ Program Director ของโครงการ LEAD ออกแบบหลักสูตร รีเทลที่ตอบโจทย์ธุรกิจแบบทันยุคสมัย โดยในแต่ละปีหลักสูตรจะไม่เหมือนกันจะปรับเปลี่ยนไปตามเทรนด์โลกที่เปลี่ยนแปลงไปในทุกปี และเลือกกูรูที่มาสอนให้ตอบโจทย์เทรนด์ในยุคนั้น”ดร.ณัฐกิตติ์ กล่าวต่อ
“7 สิ่งสำคัญที่อยากแนะนำผู้ประกอบการ SMEs ในการทำธุรกิจให้ประสบความสำเร็จ คือ 1) Passion สำคัญมากในการทำธุรกิจให้ประสบความสำเร็จ 2) Opportunities ต้องพาแบรนด์เข้าไปอยู่ใน Environment หรือ Business ecosystem ที่ช่วยให้เกิดการเติบโตอย่างยั่งยืน 3) Target opportunities เข้าใจทาร์เก็ตของตัวเองได้ดี สามารถ match ทาร์เก็ตกรุ๊ปที่ใช่กับสินค้าและโลเคชั่นที่เราขายได้ 4) Product valuation ต้องเข้าใจ value ของ product ตัวเอง รู้ position ในตลาด ทำให้สินค้าของเราดึงดูดและต่างกับสินค้าอื่น 5) Open-minded การทำธุรกิจคนเดียวไม่สามารถประสบความสำเร็จได้โดยไม่มี Partner และการทำ co-creation ร่วมกับแบรนด์อื่น ช่วยให้เกิด New product, New development สร้าง New opportunities อาทิ การทำการขายแบบ Omni-channel เพราะแต่ละแพลตฟอร์มตอบโจทย์ต่างกัน และ สุดท้าย 6) Branding รวมทั้ง CRM เพื่อสร้าง Engagement และ Connect กับลูกค้าช่วย Sustain ฐานลูกค้าได้ และ 7) Management ผู้ประกอบการ ต้องให้ความสำคัญกับการจัดการหลังบ้าน เช่น Profit & Lost, Cash Management, Stock Management”
ด้านอาจารย์เอม หรือ ผศ.ปิติพีร์ รวมเมฆ Program Director ผู้ออกแบบหลักสูตร LEAD ตั้งแต่รุ่นที่1 กล่าวว่า “หลักสูตร LEAD ช่วยดึงศักยภาพของแบรนด์มาปั้นต่อ เรามองหาจุดแข็งของแบรนด์แล้วดึงให้สุด พัฒนาต่อยอดศักยภาพ และเน้นปฏิบัติจริงไม่ใช่แค่การนำเสนอเคสธุรกิจ โดยเซ็นทรัลพัฒนามีพื้นที่ให้ทดลองทำจริง วัดผลสำเร็จด้วยการทำยอดขายจริงในเวิร์คช็อป Pop-up market ในศูนย์การค้าเซ็นทรัล เพื่อให้ผู้เรียนทดลองตลาดใหม่ สินค้าใหม่ได้ทันที จนหลายแบรนด์สเกลอัพธุรกิจได้เลยตั้งแต่ตอนเรียน ไม่ต้องรอทำหลังจบหลักสูตร ที่สำคัญคอร์ส LEAD สอนให้เรียนรู้การทำ Co-Creation ร่วมกับแบรนด์อื่น ได้มุมมองใหม่ๆ เหมือนเป็น Fast track สำหรับธุรกิจ SMEs ในการได้พื้นที่สำหรับทดลองจริง ได้ลองผิดลองถูก โดยมีเราคอยให้คำแนะนำ ทำให้แบรนด์รู้ทิศทางว่าควรไปต่อตรงไหน และนำประสบการณ์ที่ได้ไปต่อยอดกับธุรกิจได้จริง เพื่อการเติบโตที่ยั่งยืน
สำหรับรุ่นต่อไปรุ่นที่ 5 เราตั้งใจจะ curated the new success ให้กับธุรกิจของผู้ประกอบการ ซึ่งหลักสูตรจะเข้มข้นขึ้น ปรับอะไรใหม่ๆมากขึ้น เน้นเรื่องความสำเร็จในยุคใหม่ new success in another era เพราะโลกเปลี่ยนเร็ว เราจะ blend in business and lifestyle เข้าด้วยกัน ทั้งเรื่อง art, culture และสิ่งแวดล้อม ที่คนยุคใหม่ให้ความสนใจมากขึ้น”
ชูตัวอย่างความสำเร็จของ 5 แบรนด์ จากกว่า 30 แบรนด์ที่ร่วมในคอร์ส LEAD รุ่นที่ 4
คุณก้อย สุรีย์พร พูนศักดิ์ไพศาล เจ้าของแบรนด์ชาใต้ ‘ชงดี’ ที่แตกแบรนด์มาจากร้านซาลาเปาโกอ้วนจากหาดใหญ่ โดยเปิดร้านแรกในกรุงเทพฯ ที่เซ็นทรัลเวิลด์ และเติบโตขยายสาขาไปกับศูนย์การค้าเซ็นทรัลจนปัจจุบันมี 20 สาขาแล้ว เล่าถึงประสบการณ์ที่ได้จากคอร์สนี้ว่า “เริ่มแรกเราอยากสร้างแบรนด์ชาไว้ขายคู่กับซาลาเปาโกอ้วน แต่ยังไม่มั่นใจว่าทำแบรนด์ชาแยกออกมาจะขายได้มั้ย แต่พอได้มาเรียนคอร์ส LEAD ทำให้เห็นโอกาสในการสร้างแบรนด์ ‘ชาชงดี’ พอได้มีโอกาสเทสต์ตลาด ทดลองขายใน Pop up market และเห็นว่า ‘ชาชงดี’ ขายได้ และยังช่วยเติมเต็ม consumer solution ให้ลูกค้าสามารถซื้อชาทานคู่กับซาลาเปาโกอ้วน นอกจากนี้ ยังได้ทดลองทำโพรดัคใหม่จากการ collabs กับเพื่อนร่วมคอร์ส เช่น แบรนด์ไอศครีม Quint ออกเมนูไอศครีมรสชาใต้ชงดี ซึ่งปัจจุบันก็ยังมีขายอยู่ที่ร้าน Quint อีกด้วย สร้างความมั่นใจให้กล้าแตกแบรนด์ชา ‘ชงดี’ ขึ้นมา”
คุณมาย-กัญญาณัฐ ปิยะชัยวุฒิ เจ้าของแบรนด์เสื้อยืด Nineties Design เล่าว่า “จากเดิมที่ขายในออนไลน์ พอมีโอกาสได้เข้ามาขายในศูนย์การค้าเซ็นทรัล และเติบโตขยายสาขาได้ถึง 20 สาขา หลังจากมาเรียนกับคอร์ส LEAD เราขยายเพิ่มได้อีก จนปัจจุบันมีมากถึง 30 สาขาแล้ว การมาเรียนกับ LEAD นอกจากได้ขยายสาขาเพิ่มขึ้น เรายังเห็นโอกาสในการสร้างแบรนด์ใหม่เพื่อขยายฐานลูกค้ากลุ่มใหม่ๆ อีกด้วย จากประสบการณ์ในการทำเวิร์คช็อป Pop up Market ทำให้เราได้ทดลองตลาด ลองทำ pricing ใหม่ปรับราคาให้เข้ากับกลุ่มลูกค้าในแต่ละทำเล เช่น จากเดิมเราขายลดราคา เพื่อให้กลุ่มวัยรุ่นเข้าถึงได้ แต่พอได้ทดลองขายที่เซ็นทรัลเวิลด์ ทำให้รู้ว่าเราสามารถขายในราคาเต็มได้ แต่ต้องเลือกสินค้าให้ตรงกลุ่ม ทาร์เก็ตของที่นี่ และเมื่อได้ทดลองขายที่เซ็นทรัลพระราม2 ทำให้เราได้กลุ่มลูกค้าใหม่อีกกลุ่ม ซึ่งเป็นกลุ่มครอบครัว และได้สร้างแบรนด์ใหม่ ‘Nineties kids’ ขึ้นมาและยังขายดีอีกด้วย จากที่คิดว่าสาขานี้ไม่ใช่ ทาร์เก็ตของเรา แต่การได้มาลองตลาดทำให้รู้ว่าเราขยายกลุ่มลูกค้าใหม่ได้ ที่สำคัญ หลังจบคอร์สเรายังสามารถแตกแบรนด์ใหม่ที่จับกลุ่มวัยทำงาน ภายใต้ชื่อ “NINE” โดยเปิดสาขาแรกอยู่ที่โซน Commune ที่ CentralwOrld และมีแพลนที่จะขยายแบรนด์ใหม่ไปกับเครือเซ็นทรัลกรุ๊ปอีกด้วย”
คุณอัพ- พลาวุฒิ เจริญจิตมั่น เจ้าของแบรนด์เครื่องครัว Amatas เล่าว่า “เริ่มต้นจากที่บ้านทำโรงงาน พลาสติกและรับทำ OEM และทำแบรนด์ของตัวเองคือ Superlock และวางขายอยู่ตาม supermarket ในตลาด hypermarket และขายอยู่ในออนไลน์ แต่สิ่งที่เราขาดคือแพลตฟอร์มรีเทลที่เป็นศูนย์การค้า ห้าง เลยเข้ามาร่วมคอร์ส LEAD เพราะมองว่าเซ็นทรัลคือเบอร์หนึ่งด้านรีเทล เราอยากมาเรียนรู้กับคนที่รู้จริง มี platform ทุกอย่างที่พร้อม พอได้มาเรียนเลยสร้างแบรนด์ใหม่ขึ้นมาชื่อว่า AMATAS การได้มาเรียนกับคอร์ส LEAD ทำให้เราเรียนรู้ว่า Retail is Detail เรามาจากการเป็นผู้ผลิตให้คนอื่น ไม่มีประสบการณ์ในการมีหน้าร้าน หรือการได้ interact กับลูกค้า พอมาเรียนทำให้เราได้ในเรื่อง Partnership ได้โอกาสในการเติบโตขยายสาขาในรูปแบบหน้าร้าน ในศูนย์การค้าเซ็นทรัล และยังได้ทำ collaboration ร่วมกับเพื่อนในคลาสเพื่อขยายแบรนด์ใหม่เพิ่มอีกด้วย”
คุณเฟิร์น ชนิกานต์ ตันบุญเพิ่ม เจ้าของร้านช็อกโกแลต Tempered Co. และเป็นโรงคั่วช็อคโกแลตเจ้าแรกในประเทศไทย ที่ใส่ใจความยั่งยืนโดยการสนับสนุนเกษตรกรไทย กล่าวว่า “แบรนด์ Tempered Co. ได้ inspiration มาจากความต้องการสร้างแบรนด์ช็อกโกแลตของคนไทย ที่สำคัญ เราให้ความสำคัญเรื่องความยั่งยืนและพิถีพิถันในทุกขั้นตอน เริ่มตั้งแต่คัดสรรเมล็ดโกโก้ที่มาจากสวนในไทยเท่านั้น และร่วมกับเกษตรกรพัฒนาเมล็ดโกโก้ที่มีคุณภาพที่ได้ทั้งรสชาติที่ดีและดีต่อสุขภาพอีกด้วย แต่เดิมเราเปิดร้าน stand alone ไม่เคยได้ลองขายในห้างหรือศูนย์การค้ามาก่อน พอได้มีโอกาสมาเรียนกับ LEAD และได้ลองออก Pop up Market ซึ่งเป็นประสบการณ์ครั้งแรก ได้ลองเทสต์ตลาด ได้เจอกับลูกค้ากลุ่มใหม่ๆ นำโพรดัคใหม่มาทดลองขาย แล้วฟีดแบคดี ขายดีมาก ทำให้เราเห็นโอกาสในการขยายธุรกิจไปได้อีกหลายโมเดล เช่น chocolate bar, chocolate café การได้มาเรียนคอร์ส LEAD ทำให้เห็นโอกาสเติบโต ขยายสาขา และได้ประสบการณ์แบบที่ไม่เคยลอง ได้เรียนรู้เรื่องใหม่ๆ ที่ไม่เคยรู้ ซึ่งนำไปต่อยอดธุรกิจได้จริงเพื่อการเติบโตที่ยั่งยืนอีกด้วย”
ปิดท้ายด้วย คุณปุ้ม-นวัต ศักดิ์ศิริศิลป์ เจ้าของแบรนด์ Moreover ของแต่งบ้านสไตล์มินิมอล แชร์ว่า “แบรนด์ Moreover เริ่มต้นจากแบรนด์ของแต่งบ้าน จุดเด่นของแบรนด์เน้นที่ดีไซน์ โดยเราเป็นแบรนด์เล็กๆ เน้นทำ product design service ในเชิง B2B เน้นทำ collaborations กับแบรนด์ต่างๆ มีส่งออกบ้าง และฝากขายตามร้าน selected shop เป็นหลัก พอได้มาเรียนกับ LEAD ทำให้เราขยายจุดจำหน่ายได้จาก 15 จุด เป็น 20-30 จุด เกิดจากเราเข้าใจการจัดการสต็อกได้ดีขึ้น และได้เปิดมุมมองใหม่ๆ เพราะเรามาจากการเป็นดีไซเนอร์ เราจะเข้าใจเรื่องการทำธุรกิจไม่เต็มร้อย พอได้เรียนรู้จากเพื่อนในคอร์ส เรียนรู้การจัดการหลังบ้าน และเห็นโอกาสในการต่อยอดธุรกิจ ทำให้เราเกิดไอเดียพัฒนา business model ใหม่ จากที่รับทำ collaborations ในเชิง B2B อยู่แล้ว เราเลยได้ไอเดียทำหน้าร้านของตัวเองเป็นแบบ concept store ซึ่งเรามองว่าการเข้าสู่แพลตฟอร์มรีเทล จะทำให้เราโตขึ้นไปอีกขั้น เราอยากพึ่งพาตัวเอง มากกว่าการที่ไปพึ่งพาคนอื่นด้วยการฝากขาย และทางเซ็นทรัลพัฒนาช่วยซัพพอร์ตในเรื่องการหาโลเคชั่นที่เหมาะสม ซึ่งเรามั่นใจว่าการมีพาร์ทเนอร์ที่แข็งแกร่งอย่างเซ็นทรัลพัฒนา จะช่วยให้ธุรกิจเราสตรองขึ้น”
ปัจจุบันโครงการ “LEAD” จัดขึ้นเป็นปีที่ 4 แล้ว และมีเครือข่ายแบรนด์รุ่นใหม่จากโครงการ LEAD ทั้ง 4 รุ่นรวมกว่า 150 แบรนด์ และกว่า 70% ของผู้ร่วมหลักสูตรประสบความสำเร็จ ต่อยอดขยายธุรกิจได้จริง โดยมีการขยายหน้าร้านไปแล้วกว่า 600 ร้านค้า คิดเป็นพื้นที่มากกว่า 30,000 ตรม. ณ ศูนย์การค้าเซ็นทรัลทั่วประเทศ มีมูลค่าการเติบโตของธุรกิจมากกว่า 1,800 ล้านบาท ยกตัวอย่างแบรนด์ที่ประสบความสำเร็จ อาทิ Fresh Me, Gentlewomen, With it, Ravipa, Moshi Moshi, Salad Factory, Beautrium ฯลฯ