Share This Article
บริษัท ฟิลิปส์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดตัว ‘Philips MR7700’ เครื่องเอ็มอาร์ไอ (MRI) 3.0T รุ่นใหม่ล่าสุดครั้งแรกในประเทศไทย มาพร้อมเทคโนโลยีเอไอ (AI) และเทคโนโลยี SmartSpeed (สมาร์ทสปีด) เพื่อการสแกนที่เร็วขึ้นถึง 3 เท่า และให้ภาพที่คมชัดมากขึ้นถึง 65% และยังโดดเด่นด้วยฟีเจอร์ multi-nuclei imaging ช่วยให้การตรวจวินิจฉัยสามารถตรวจพบโรคได้ในระยะเริ่มต้น หรือระดับ molecular ช่วยยกระดับกระบวนการทำงานให้กับบุคลากรทางการแพทย์และสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับผู้ป่วย โดยได้แสดงความล้ำสมัยของเทคโนโลยีทางการแพทย์ผ่านโลกเสมือนจริง
นายวิโรจน์ วิทยาเวโรจน์ ประธานและกรรมการผู้จัดการ บริษัท ฟิลิปส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “ฟิลิปส์ ในฐานะผู้นำด้านเทคโนโลยีทางการแพทย์ เราไม่หยุดที่จะพัฒนานวัตกรรมเพื่อสนับสนุนการทำงานของบุคลากรทางการแพทย์ และเพิ่มประสิทธิภาพในการตรวจรักษาให้กับผู้ป่วย ในครั้งนี้ก็เป็นอีกครั้งที่เราได้นำเทคโนโลยีด้านการตรวจวินิจฉัยระดับโลกเข้ามาในวงการเฮลท์แคร์ในประเทศไทย
เพื่อเตรียมส่งมอบประสบการณ์ที่ดีให้กับผู้ใช้บริการด้านสาธารณสุขในประเทศไทย สำหรับเครื่องเอ็มอาร์ไอ (MRI) Philips MR7700 เป็นเครื่องเอ็มอาร์ไอรุ่นใหม่ล่าสุดที่ฟิลิปส์เพิ่งเปิดตัวในงาน RSNA เมื่อเร็วๆ นี้ โดยมีจุดเด่นที่เทคโนโลยี AI และเทคโนโลยี SmartSpeed ที่ช่วยให้สแกนได้เร็วขึ้น 3 เท่า และได้ภาพคมชัดมากขึ้น 65% เมื่อเทียบกับเครื่องเอ็มอาร์ไอรุ่นก่อนที่ใช้เทคโนโลยี Philips SENSE”
เครื่องเอ็มอาร์ไอ (MRI) เป็นเครื่องตรวจอวัยวะด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า โดยไม่ต้องใช้รังสี แต่ใช้หลักการทำงานของคลื่นวิทยุ สามารถตรวจวินิจฉัยอวัยวะภายในได้เกือบทุกส่วน ไม่ว่าจะเป็นสมอง หัวใจ หลอดเลือด ข้อ กระดูก เป็นต้น สำหรับเครื่อง Philips MR7700 ถือเป็นเครื่อง MRI รุ่นใหม่และล้ำสุดของฟิลิปส์ซึ่งนอกจากการนำเทคโนโลยี AI เข้ามาใช้ในการสแกนและประมวลผล แล้วยังมาพร้อมฟีเจอร์การสแกนและประมวลผลแบบหลายนิวเคลียส ซึ่งจะช่วยให้แพทย์วินิจฉัยอาการของผู้ป่วยได้ตั้งแต่ระยะเริ่มต้น หรือจะใช้สำหรับการวิจัยทางคลีนิกก็ได้เช่นกัน นอกจากนี้เครื่อง Philips MR7700 ยังมาพร้อมอุโมงค์ที่กว้างขึ้น เพื่อให้ผู้ป่วยรู้สึกสบายในขณะเข้ารับการตรวจ
ทางด้าน ศาสตราจารย์ แพทย์หญิงอรสา ชวาลภาฤทธิ์ ภาควิชารังสีวิทยา คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล มาร่วมแชร์ข้อมูลที่น่าสนใจว่า “ปัจจุบันผู้ป่วยกลุ่มโรคหลอดเลือดสมองทั้งในประเทศไทยและทั่วโลกมีจำนวนมากขึ้น โดยพบว่าประชากรในเอเชียมีความชุกของการเกิดโรคหลอดเลือดสมองสูงถึง 30-50% และโรคดังกล่าวเป็นสาเหตุหลักของการเสียชีวิตในกลุ่มโรคไม่ติดต่อเป็นอันดับสองของคนไทย จากสถิติในประเทศไทยพบอัตราตายที่ 53 ต่อประชากรแสนคนโดยโรคกลุ่มนี้หากตรวจพบเร็วแพทย์สามารถช่วยลดความรุนแรงของโรคลงได้ ซึ่งการตรวจวินิจฉัยอาการผู้ป่วยในกลุ่มนี้ทางการแพทย์เราจะใช้เครื่อง MRI เป็นเครื่องมือสำคัญในการตรวจหาความผิดปกติ เพราะสามารถถ่ายภาพอวัยวะในระดับเนื้อเยื่อได้อย่างชัดเจน และแพทย์สามารถตรวจพบความผิดปกติได้ตั้งแต่อาการระยะเริ่มแรก ในแง่ของการวินิจฉัยเครื่อง MRI จึงเหมาะกับการใช้ตรวจผู้ป่วยที่มีความผิดปกติของสมอง, หัวใจและหลอดเลือด มากกว่าเครื่อง CT Scan”
“ทั้งนี้พบว่าผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองในประเทศไทยมีแนวโน้มที่อายุจะน้อยลงเรื่อยๆ โดยสาเหตุเกิดจากโรคประจำตัว เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง ภาวะไขมันในเลือดสูง หรือพฤติกรรมการสูบบุหรี่ เป็นต้น มีตัวอย่างเคสของผู้ป่วยผู้ชายรายหนึ่งอายุ 35 ปีที่ไม่เคยตรวจสุขภาพมาก่อน แต่มาโรงพยาบาลด้วยอาการปวดหัวเรื้อรัง เมื่อเข้ารับการตรวจ MRI จึงพบภาวะหลอดเลือดแดงแข็ง (Atherosclerosis) และไขมันในเส้นเลือดสูง ซึ่งถือว่ามีความเสี่ยงนำไปสู่การเป็นโรคหลอดเลือดสมองได้ในอนาคต เคสนี้จึงเป็นอีกหนึ่งตัวอย่างที่ชี้ให้เห็นว่าการมีเทคโนโลยีเครื่อง MRI ที่มีความรวดเร็วและให้ผลการตรวจได้อย่างชัดเจน จะช่วยให้แพทย์สามารถวินิจฉัยโรคได้อย่างรวดเร็ว และแม่นยำยิ่งขึ้น นำไปสู่การรักษาที่มีประสิทธิภาพมากขึ้นเช่นกัน” ศ.พญ. อรสา กล่าวเพิ่มเติม